วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อาการต้องห้าม! ดันทุรังนวดอาจอันตรายถึงชีวิต!




ปกติเวลาเราเข้าร้านนวดหรือสปาจะมีการสอบถามหรือบางที่ก็จะมีใบสอบถามอย่างเป็นทางการว่าเรามีอาการอะไรมา เจ็บปวดตรงไหน หรือ มีโรคประจำตัวอย่าง โรคหัวใจ ความดัน หรือ เบาหวาน หรือไม่ หมอนวดบางคนอาจถามลึกไปถึงประวัติการรักษาตัวจนเราในฐานะลูกค้า อาจจะรู้สึกรำคาญอยู่บ้างว่าจะถามทำไมนักหนา...แต่ทราบไหมคะว่า อาการต่าง ๆ ที่เราเป็นแล้วคิดว่าอาจไม่มีผลจากการนวด ความจริงแล้วอาจส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไม่ทันรู้ตัว 

     เพราะฉะนั้น  เราจึงจำเป็นต้องรู้ค่ะว่า ตัวเองมีอาการและประวัติการรักษาอะไรมา แล้วบอกหมอนวดอย่างตรงไปตรงมา เพื่อที่จะช่วยวินิจฉัยได้ว่า เราสามารถรับการรักษาด้วยการนวดได้หรือไม่ หรือ จะนวดอย่างไรเพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับผู้รับบริการค่ะ




การนวดทำงานอย่างไรกับระบบต่าง ๆ ในร่างกาย





หลายคนอาจจะเข้าใจว่า การนวดก็เป็นเพียงแค่การขยำ ๆ ลงไปบนกล้ามเนื้อเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า....แต่ในความจริงแล้ว การนวดเป็นการตรวจประเมิน การบำบัด การป้องกันโรค ด้วยวิธีการกด คลึง บีบ การดัด การดึง ซึ่งจะส่งผลทั้งต่อระบบกล้ามเนื้อ ช่วยคลายเส้น แต่ที่สำคัญส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด ซึ่งการกดลงไปตามจุดต่าง ๆ บนร่างกาย เป็นการปิดการไหลเวียนของเลือดไว้ชั่วคราวเหมือนปิดท่อก๊อกน้ำ เมื่อเราคลายแรงกดออกเลือดที่ถูกปิดทางไว้ก็จะสูบฉีดไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การนวดจึงช่วยให้การไหลเวียนทั้งของเลือดและน้ำเหลืองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและรู้สึกได้จริง....แต่แน่นอนค่ะว่า ถ้าร่างกายของเราไม่ปกติ มีเชื้อไวรัส มีบาดแผล มีแอลกอฮอล์ในเลือดสูง ต่อมน้ำเหลืองมีปัญหาอยู่ มีการติดเชื้ออยู่ มีเซลล์ไม่ดีในร่างกายเกิดขึ้น หากได้รับการนวดก็จะยิ่งทำให้ปัญหาต่าง  ๆ ได้รับการกระตุ้นหรือแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง



อาการต้องห้าม (ไม่ควรนวด)



     - มีไข้ คั่นเนื้อคั่นตัว ส่งผลให้เชื้อต่าง ๆ ในร่างกายแพร่กระจายมากขึ้น และไข้ขึ้นสูง

     - โรคมะเร็ง หลายคนบอกผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในช่วงการรับการรักษาสามารถนวดได้บริเวณที่ไม่เป็นมะเร็ง แต่การนวดจะยิ่งให้เลือดและน้ำเหลืองไหวเวียนดีขึ้น หากมะเร็งเข้าสู่ระบบต่อมน้ำเหลืองแล้ว อาจจะยิ่งเป็นการแพร่กระจายเซลล์ร้ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ค่ะ กันไว้ดีกว่านะคะ ส่วนคนที่หายดีแล้ว ก็สามารถนวดได้ค่ะ แต่ถ้าเคยได้รับการผ่าตัดภายในมาควรรอให้แผลปิดแห้งสนิทสมานถาวรอีกประมาณ 1-2 ปีค่อยนวดจะปลอดภัยกว่าค่ะ

     - เมาสุรา หากมีแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด การนวดในขณะเขาหรือเพิ่งสร่างเมา  ความดันโลหิตก็จะยิ่งสูงขึ้น อาจจะทำให้หน้ามืด หมดสติได้

     - มีการอักเสบ บวม แดง ร้อน การนวดในบริเวณที่มีการอักเสบจะยิ่งทำให้เกิดอาการอักเสบมากขึ้นกว่าเดิม ควรรอให้กล้ามเนื้อหายอักเสบก่อนนะคะ แต่ถ้าบวมและเจ็บ แต่ไม่มีอาการแดง ร้อน ก็สามารถนวดได้แต่ต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษค่ะ

     - เพิ่งได้รับการผ่าตัดมา อาจทำให้เกิดการอักเสบ หรือ เกิดการติดเชื้อได้ค่ะ ควรรอให้แผลหาย แห้งสนิท หากเป็นแผลผ่าตัดภายในควรรออย่างน้อย  1 – 2 ปีถึงจะนวดได้ค่ะ 

     - กระดูกแตกหัก ข้อเคลื่อน  ไม่ควรนวดเพราะอาจทำให้อาการยิ่งแย่ลง แต่ถ้าให้นวดเฉพาะบริเวณก็สามารถทำได้ค่ะ

     - แผลเปิด ผุพอง ฝี หากมีแผลอยู่ภายในร่มผ้า หมอนวดไม่สามารถเห็นได้ ควรบอกนะคะ

     - โรคผิวหนัง โดยเฉพาะที่สามารถติดต่อไป หรือลามไปตามส่วนอื่นของร่างกายได้

     - มีอาการบาดเจ็บภายใน 48 ชั่วโมง หากการบาดเจ็บยังคงใหม่อยู่ ย่อมมีการอักเสบเกิดขึ้น การนวดจะยิ่งทำให้การบาดเจ็บทรุดลงมากขึ้น

     - โรคเกาท์ รูมาตอยด์ โรคทั้ง 2 นี้จะมีอาการปวดที่ข้อ การนวดบริเวณข้อจะยิ่งทำให้เกิดความร้อน การอักเสบ และปวดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเกาท์ การนวดจะยิ่งทำให้กรดยูริคที่อยู่รอบ ๆ ข้อ หรืออยู่ในเลือดกระจายไปตามข้อต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วส่งผลให้ปวดมากขึ้นค่ะ



อาการที่ต้องระมัดระวัง (นวดได้แต่ต้องระวัง)



     - โรคหัวใจ สามารถนวดได้ แต่ต้องบอกหมอนวดเพื่อให้นวดหรือกดเบาลง และไม่เปิดประตูลม เพราะการเปิดประตูลมจะทำให้เลือดไม่ขึ้นกลับไปยังหัวใจเป็นเวลาประมาณ 20-30 วินาที

     - โรคความดันโลหิตสูง ป้องกันการนวดหนักบริเวณช่วงคอ บ่า ไหล่ หัว เพราะการนวดจะยิ่งส่งผลให้เกิดความดันในเลือดสูงขึ้น หมอนวดจะได้นวดเบาลง ไม่เช่นนั้น อาจเกิดเลือดฝอยในสมองแตกได้ค่ะ

    - โรคเบาหวาน ไม่ควรนวดหนัก เพราะหากเกิดรอยช้ำ จะทำให้หายช้าหรือเกิดการขยายของรอยช้ำเรื้อรังลุกลามได้

     - กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท นวดได้นะคะ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถนวดความความเจ็บปวดได้หรือไม่ หรือ แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าเป็นเล็กน้อย ยังไม่ถึงขั้นผ่าตัด ซึ่งหมอนวดที่จะนวดให้ควรมีความเชียวชาญด้านการบำบัดและแกะอาการเท่านั้น ในการนวด ห้ามบิด ดัด ยืด ดึงทั้งนั้น แค่นวดกล้ามเนื้อเพื่อช่วยเบาเทาอาการปวดร้าวค่ะ

      - เส้นเลือดขอด สามารถนวดได้ แต่ไม่ให้กดแรงลงตรงบริเวณเส้นเลือดขอด เพราะมีโอกาสที่ลิ่มเลือดจะหลุดเข้าสู่กระแสเลือดและไปอุดตันอยู่ที่ขั้วหัวใจ ทำให้หัวใจขาดเลือดและเสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็วค่ะ

     - มีประจำเดือน สามารถนวดได้แต่ต้องระมัดระวังไม่กดจุดที่ฝ่าเท้า หรือ บริเวณท้อง ซึ่งการนวด และการเปิดประตูลมจะยิ่งทำให้เลือดสูบฉีดมากยิ่งขึ้น มดลูดเกิดการบีบตัว ดังนั้น ถ้าจะนวดควรนวดช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะหมดในฤดูนั้น หรือ บอกให้หมอนวดนวดเบา ๆ ค่ะ

     - ตั้งครรภ์ สามารถนวดได้หลัง 3 เดือนขึ้นไป เวลานวดไม่ควรนอนคว่ำ หรือ นวดกดจุดโดยเฉพาะบริเวณฝ่าเท้า เพราะอาจทำให้แท้งได้ นอกจากนี้หลีกเลี่ยงการนวดท้อง เปิดปิดประตูลม หรือ ข้อพับต้นขา เพราะอาจส่งผลให้มดลูกบีบตัว หรือ ส่งผลต่อครรภ์คุณแม่ได้ค่ะ นวดผ่อนคลายหรือนวดน้ำมันปลอดภัยทั้งแม่และบุตรแน่นอน




     บทความนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ ห้ามไม่ให้นวด หรือ ให้เห็นอันตรายของการนวดนะคะ แต่เพื่อให้เราในฐานะผู้รับบริการใส่ใจอาการของตัวเราเอง และบอกข้อมูลของตัวเราแก่หมอนวด เพื่อให้หมอนวดได้วางแผนการรักษาอย่างถูกวิธีและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายเราค่ะ ทีนี้เราก็จะได้เตรียมความพร้อมก่อนไปนวด และไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายแก่ร่างกายของเรา จะได้นวดแล้วผ่อนคลาย ไร้กังวล  สบายทั้งกายและใจแล้วเลยล่ะค่ะ






บทความโดย : Soto Green
ติดต่อบริการนวดบำบัด
FB Page: mindfulmassagefordeeprelaxation
ID Line : angelasotozen 

ข้อมูลอ้างอิง :
วิชาพื้นฐานเกี่ยวกับการนวดไทย โรงเรียนนวดแผนโบราณเชตวัน
หนังสือประกอบการเรียนวิชานวดแผนไทย โดยศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร
http://www.eldercareinthai.com/




วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จุดนวดต้องระวัง! ที่แม้คนถูกนวดก็จำเป็นต้องรู้!






เมื่อพูดถึงการนวด มักจะมีความคิดเห็นและทัศนคติที่หลากหลายเกิดขึ้นแล้วแต่บุคคล ไม่ว่าจะ “นวดช่วยผ่อนคลายดี” “นวดบ่อยไม่ดีเดี๋ยวติด” “นวดหนักมันถึงจะหาย” “ไม่ชอบนวด นวดแล้วเจ็บ” “นวดช่วยคลายกล้าเนื้อได้ดี” “นวดอันตรายเป็นง่อยได้ไม่รู้ตัว” ซึ่งหาก ตามประโยชน์ของการนวดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จะพบว่า การนวดนั้นเป็นการรักษาดูแลสุขภพ รวมไปถึงรักษาโรคด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติ ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกขึ้น ผ่อนคลายความเกร็งของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อจากการใช้ในชีวิตของประจำวัน

อย่างไรก็ตาม หลายคนที่ชื่นชอบการนวดจนถึงขั้นเสพย์ติดการนวด ก็มักเสาะแสวงหาเทคนิคการนวดที่หลากหลายโดยไม่ทันล่วงได้รู้ว่า บางตำแหน่งบนร่างกายหากถูกกดผิดจุด หรือ ผิดตำแหน่งอาจเป็นอันตรายได้ถึงชีวิต เพราะฉะนั้น แทนที่เราจะหวังพึ่งหมอนวดให้คอยระแวดระวังร่างกายเราอยู่ฝ่ายเดียว อาจจำเป็นที่เราจะต้องดูแลสวัสดิภาพของตัวเองด้วยเช่นกันค่ะ    


ตำแหน่งต้องห้ามของวัยวะร่างกาย



ตำแหน่งบนร่างกายดังต่อไปนี้นะคะ ห้ามนวดโดยเด็ดขาดเพราะอาจเกิดการบาดเจ็บหรือเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ 






- ด้านข้างและด้านหน้าคอ

      บริเวณด้านข้างและด้านหน้าคอมีเส้นประสาทและเส้นเลือดที่ผ่านไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะต่อมน้ำเหลืองซึ่งอยู่บริเวณข้างคอ ถ้าเกิดกดลงนวดบริเวณนั้นแรง อาจทำให้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้ รวมไปถึงอาจส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง  เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายไม่ทัน เป็นอัมพาต รวมทั้งอาจหมดสติได้ค่ะ


- ใต้รักแร้

     ใต้รักแร้มีเส้นประสาทร่างแหแขนและมีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีต่อมน้ำเหลืองอีกด้วยค่ะ ดังนั้นถ้ากดลงไปบริเวณใต้รักแร้ อาจทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงแขน เส้นประสาทอักเสบ แขนชา






ข้อมือ ข้อพับแขน ศอก เข่า 

     บริเวณข้อพับต่าง ๆ จะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาก  หากกดแรงอาจทำให้เส้นประสาทอักเสบได้และเกิดอาการชาได้ค่ะ


- มุมคาง

     บริเวณมุมคางหรือใต้คางมีเส้นเลือดไปเลี้ยงใบหน้า ห้ามกดเด็ดขาดนะคะ เพราะจะทำให้ใบหน้าขาดเลือดได้


- หัวมุมไหล่

     หัวมุมไหล่มีถุงน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวของหัวไหล่ ถ้านวดแรงถุงน้ำอักเสบส่งผลให้แขนชา ยกแขนไม่ได้






เหนือไหปลาร้า 

     ไม่ควรกดตั้งแต่กระดูกไหปลาร้าขึ้นไปนะคะ เพราะเป็นบริเวณที่ป้องกันช่องทางของหลอดเลือดและเส้นประสาทต่าง ๆ จากส่วนคอไปยังบริเวณรักแร้ ไม่ให้ได้รับการกระทบกระเทือน ถ้าหากถูกกดบริเวณไหปลาร้าจะทำให้เกิดอาการชาและเส้นประสาทอักเสบได้ค่ะ


- กระดูกคอ

เป็นตำแหน่งที่เสี่ยงอันตรายมาก ๆ ไม่ว่าจากการถูกกดลงที่ตัวร่องแง่งกระดูก รวมไปถึงการดัด เหวี่ยง แม้จะการบิด เพราะถ้าไม่โชคดีก็อาจจะให้กระดูกคอเคลื่อน หรือ หักได้...แน่นอนค่ะว่าถึงแก่ชีวิต หรืออย่างน้อยก็เป็นอัมพาตค่ะ เนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง 2 คู่ฉีกขาดไม่สามารถไปเลี้ยงสมองส่วนต่าง ๆ รวมไปถึงการควบคุมการหายใจ ทำให้กล้ามเเนื้อสมองตาย




ตำแหน่งที่นวดได้แต่ต้องระมัดระวัง


ตำแหน่งด้านล่างนี้เป็นตำแหน่งที่แม้จะนวดได้แต่ก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่นวดแรงเพราะอาจเกิดอาการบาดเจ็บ อักเสบ ชา หรือ อัมพาตได้ค่ะ 





-ทัดดอกไม้

     ทัดดอกไม้เป็นบริเวณมีกระดูก 4 ชิ้นเชื่อมต่อกัน และเป็นบริเวณที่บอบบางที่สุดของกะโหลกศีรษะ  อีกทั้งยังมีหลอดเลือดแดงวิ่งอยู่ด้านในของกะโหลกศีรษะใต้จุดทัดดอกไม้ เพราะฉะนั้น หากมีการกระทบกระเทือนจะทำให้หลอดเลือดแดงบริเวณนี้แตก และเกิดการตกเลือดอาจทำให้หมดสติได้


-ขมับ

     ขมับเป็นกระดูกที่อยู่ด้านข้างและด้านฐานของกะโหลกศีรษะ กระดูกนี้ทำหน้าที่ค้ำจุนส่วนของใบหน้า จึงไม่ควรกดแรงเพราะเลือดจะไม่ไปเลี้ยงศีรษะ


-หน้ากกหู

  บริเวณนี้มีประสาทสมองคู่ที่ 7 ทำให้หน้าชา เส้นประสาทอักเสบ เกิดการอัมพาตที่ใบหน้า อย่างที่มีข่าวออกมาว่านวดแล้วปากเบี้ยวนั่นเองค่ะ


ในปัจจุบันนี้มีหมอนวดมากมายให้เราเลือกรับบริการ ซึ่งแต่ละคนก็มีประสบการณ์และความรู้ที่แตกต่างกันไป แล้วถึงแม้หมอนวดทุกคนต้องรู้ตำแหน่งที่ต้องห้ามและต้องระมัดระวัง แต่ก็ยังมีการกดในตำแหน่งต้องห้ามอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้เองเราในฐานะผู้รับบริการจึงจำเป็นต้องมีความรู้เพื่อป้องกันอันตรายด้วยตัวเอง เพื่อให้เราเพลิดเพลินผ่อนคลายกับการนวดอย่างไร้กังวลนั่นเองค่ะ



บทความโดย : Soto Green


ข้อมูลอ้างอิง :

วิชาพื้นฐานเกี่ยวกับการนวดไทย โรงเรียนนวดแผนโบราณเชตวัน
หนังสือประกอบการเรียนวิชานวดแผนไทย โดยศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร
http://www.eldercareinthai.com/

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

5 ข้อดีของแสงแดดที่ทำให้คุณไม่ป่วย!




กลัวดำกลัวแดดเป็นเรื่องปกติของผู้รักสวยรักงาม เพราะถ้าเผลอผิวสีเข้มขึ้นมาจะกลับให้ขาวใสเหมือนเดิมต้องใช้เวลานาน ประโคมครีมผิวขาวกันยกใหญ่....แต่จะมีใครสนใจกันบ้างไหมว่าแดดมีข้อดีอะไรนอกจากตากผ้า ให้แสงสว่าง ตากปลาเค็มได้ด้วย!

      แล้วถ้าเกิดเราเลี่ยงไม่ยอมมาโดนแดดเลยจะเกิดอะไรขึ้น...บางทีที่เราป่วยกันบ่อย ๆ มากขึ้นทุกทีอาจเพราะเราเลี่ยงที่จะพบปะกันแสงแดดอยู่ก็ได้นะคะ 



ข้องดีของแสงแดดเกี่ยวกับสุขภาพ






       - แสงช่วยจัดการแบคทีเรีย ถ้าใครลองสังเกตเวลามีมดขึ้นขนมหรืออาหาร เราก็จะเคาะ ๆ เอาไปตากแดด สักพักมดก็จะค่อย ๆ หลบหายไป เชื้อโรค แบคทีเรียก็เช่นกันค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง ที่เราถึงต้องตากผ้ากลางแดด หรือ เอาหมอนที่นอนไปตากไว้ ผิวหนังของเราก็ไม่แตกต่างกันค่ะ การให้ผิวสัมผัสแสงแดดจะช่วยกำจัดเชื้อโรค เชื้อรา รวมทั้งแบคทีเรียต่าง ๆ บนผิวกายลดลง  

       - แดดอ่อน  ๆ ช่วงเช้า และช่วงเย็นจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งค่ะ แต่ถ้าอยู่ท่ามกลางแดดจัดช่วงวันควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันโรคมะเร็งผิวหนังค่ะ

       - แสงแดดช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย หากศึกษาเรื่องธรรมชาติบำบัด แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยอาบแดดในช่วงเช้าเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เพิ่มขึ้น ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเป่าเพื่อจัดการกับเซลล์ร้ายนั่นเอง

       - รับวิตามินดี ซึ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายจะได้รับวิตามินดีมาจากแสงแดด เพื่อช่วยดูดซึมแคลเซียมไม่เสี่ยงกับโรคกระดูกพรุนค่ะ ถ้าดื่มนมแต่หลบแดด หรือกินอาหารที่ไม่มีวิตามินดีมากพอ การดูดซึมแคลเซียมเข้าสูร่างกายก็ไม่เป็นผลค่ะ

       -   ช่วยในการหลั่งสารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อว่า ซีโรโทนิน (serotonin) ช่วยให้เราอารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย ร่าเริงแจ่มใส เอาชนะความโศกเศร้า อีกทั้งยังลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจได้อีกด้วยค่ะ ใครมีอาการซึมเศร้าบ่อย ๆ ลองอาบแสงแดดหรือออกกำลังกายกลางแจ้งดูนะคะ



การอาบแสงแดดเพื่อสุขภาพอย่างถูกวิธี




       การอาบแดดสามารถทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเล่นโยคะนะคะ โดยให้อาบแสงแดดในช่วงเช้าก่อน 9 โมงเช้า   แล้วก็ และหลัง 4 โมงครึ่งในช่วงเย็นค่ะ เพราะเป็นช่วงที่แสงแดดกำลังอ่อน ไม่แรงจนผิวไหม้เป็นอันตายเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังนะคะ

      ส่วนการแต่งกายควรใส่เสื้อผ้าสีอ่อน จะได้ไม่ดูดความร้อนมากเกินไป ใช้เวลาในการอยู่ท่ามกลางแสงแดดประมาณ 30 นาที โดยให้ร่างกายทั้งด้านหน้าและด้านหลังรับแสงอาทิตย์ ในเวลาที่เท่า ๆ กัน อาจแบ่งเป็นหน้า 15 นาที ด้านหลัง 15 นาทีก็ได้ค่ะ เพียงเท่านี้การมีสุขภาพดี ๆ จากธรรมชาติก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะค่ะ




     ถ้าบ้านใครมีที่วิ่งหรือสวนสาธารณะก็ลองออกกำลังกายกลางแจ้งช่วงเช้าเย็นดูนะคะ เพราะถึงจะไม่มีแอร์ ไม่มีจอทีวีอย่างในฟิตเนส แต่มีวิตามินดีและระบบฆ่าเชื้อให้ฟรี ๆ เลยล่ะค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันนะคะ 


บทความโดย : Soto Zen Green

ข้อมูลอ้างอิง :
หนังสือธรรมชาติบำบัด บรรยายโดย หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี
http://www.mirror.co.uk/lifestyle/dieting/15-reasons-why-the-sun-is-good-for-you-623393