วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

รู้หรือไม่ เมื่อครบอายุ 32 ปี เราได้เข้าสู่วัยชรา



เมื่อเราได้ก้าวสู่ 32 ปี ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่วัยชราค่ะ

เมื่อเข้าสู่วัย 30 หลายคนเริ่มปวดเมื่อยโน่นนี่ เพลียงาน นอนดึกไม่ค่อยได้เมื่อแต่ก่อน ไม่สบาย่ฟื้นตัวช้า ร่างกายเหนื่อยจะถอยลงลูบเหมือนหุ้นตก....ถ้าเกิดความรู้สึกต่อร่างกายตนเองแบบนี้ ไม่ต้องแปลกใจนะคะ มันคือการเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของร่างกายค่ะ...วัยแห่งความเสื่อม

การตายอยู่ในการเกิด...ภายในร่างกายเรามีการตายและการเสื่อมเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณทั้งของไทยจะเรียกวัยสุดท้ายของชีวิตนี้ว่า "ปัจฉิมวัย" (พาลผู้เฒ่า หรือวัยผู้เฒ่า) โดยนับอายุตั้งแต่เข้า 32 ปี บางตำรานับตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป บางตำราก็นับ 33 ปี ไปจวบจนถึงอายุขัยสุดท้ายของเราค่ะ

ในวัยนี้มีธาตุลมหรือวาตะเป็นเจ้าเรือนลมกำเริบ ก็มักจะมีปัญหาเลือดลม ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ลมในท้อง ท้องอืด ไม่สบายตัว ธาตุไฟหย่อนก็จะมีปัญหาเผาผลาญไม่ดี อาหารไม่ค่อยย่อย หลับไม่ปกติ รู้สึกวูบวาบภายในไม่เสถียร

อาหารที่เหมาะสมแก่ช่วงปัจฉิมวัย


การทานอาหารหรือใช้ยารสเผ็ดร้อน หอมเย็น ขม เค็ม ฝาด ถ้าสังเกตให้ดีเมื่ออายุมากขึ้นจะกินของฟาดขม เปรี้ยวได้ดีขึ้น กินแป้งจะอึดอัดอกินของหวานมากๆ ไม่ได้ รู้สึกไม่คือ กินอาหารเย็นแล้วชักจะไม่ย่อย ท้องอืด ต้องมีขมิ้นชันพกไว้หลังอาหารเย็น.... นั่นเป็นสัญญะหนึ่งที่บอกการเข้าสู่ช่วงวัยนี้ค่ะ ว่าร่างกายเรากำลังปรับอาหารการกินเพื่อเหมาะกับธาตุและอายุวัย การฟังเสียงความปรารถนาร่างกายก็จะช่วยให้ผ่านโรคภัยไปได้ค่ะ

อาหารที่เหมาะกับวัยนี้ก็พวกพืชที่ช่วยเรื่องลมค่ะ ขิง ข่า ตะไคร้ กะเพรา มะระ ผัก สนุนไพร ผลไม้รสขม หอมเย็น ฝาดเล็กๆ เช่น กะท้อน รางจืด น้ำใบเตย น้ำลอยดอกมะลิอะไรอย่างนี้ค่ะ ฟังดูแล้วนี่มันชีวิตคนสูงวัยชัดๆ!! อาหารที่ควรเลี่ยงอาหารแป้ง น้ำตาล ผลไม้จำพวกทุเรียน มะม่วงค่ะ ของอร่อยทั้งน้านนน 55


การดูแลและใช้ชีวิตช่วงปัจฉิมวัย


นอกจากเรื่องอาหารที่ต้องดูแลแล้วก็เรื่องการใช้ชีวิตค่ะ ในคัมภีร์กล่าวถึงความประพฤติของมนุษย์ที่จะทำให้โรคบังเกิดขึ้น จัดไว้ 8 ประการ

-อาหาร เช่น บริโภคอาหารมากหรือน้อยกว่าที่เคย กินอาหารไม่ตรงเวลา เป็นต้น

-อิริยาบถ การอยู่ในอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่งนานเกินควร ควรผลัดเปลี่ยนเคลื่อนไหวบ้างค่ะ

-สภาพอากาศ ความร้อนความเย็นมากเกินไป ทำให้ธาตุแปรปรวน

-อดนอน ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนหลับนอนที่พอเหมาะ ดื่มน้ำที่สะอาดให้เพียงพอ

-กลั้นอุจจาระ ปัสสาวะ เกิดการหมักหมมของอุจจาระและปัสสาวะทำให้เกิดการขยายตัวของเชื้อโรค พิษเหล่านี้จะกลับเข้าสู่กระแสเลือด ไหวสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหลายประการ

-ทำงานเกินกำลัง การหักโหมทำงาน ทำร่างกายอ่อนแอง่ายต่อการเกิดโรค

-ความเศร้าโศกเสียใจ ขาดการออกกำลังกาย ขาดการพักผ่อน และทำร้ายตนเอง

-โทสะ เป็นดั่งไฟเผากายและใจให้เกิดทุกข์สมองถูกทำลาย สติสัมปชัญญะขาดพร่อง ผิวพรรณเหี่ยวย่นอีกด้วยค่ะ

เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30 ร่างกายจะดิ่งลงอย่างรวดเร็ว แทนที่จะหักโหม หรือบีบคั้นร่างกายให้ใช้งานได้ดั่งเดิม เราควรเปิดใจ ทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แล้วกลับมาดูแลร่างกายในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิต เพื่อให้เรารักษาสมดุล ประคับประคองธาตุแห่งความเสื่อมนี้ให้อยู่กับเราและคนที่เรารักได้ยืนยาวนานมากที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้นะคะ .... การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะคะ


บทความโดย : Sotogreen
Photo by rawpixel.com from Pexels
ติดต่อทาง Facebook Page ได้ที่
Mindful Massage For Deep Relaxation