วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

จัดการ! “ปวดสลักเพชร” อาการฮิต ออฟฟิศซินโดรม

จัดการ! “ปวดสลักเพชร” อาการฮิต ออฟฟิศซินโดรม

นั่งทำงานนานนอกจากหลังจะปวด สะโพกก็อาจพังได้!





จากประสบการณ์ที่นั่งทำงานออฟฟิศมาเกือบ 10 ปีไม่เคยมีความรู้เรื่อง “สลักเพชร” เลยว่าคืออะไรจนกระทั่งได้เริ่มนวดแผนไทย เวลาถูกกดที่ร่องบุ๋มสะโพกจะเจ็บมากเหมือนโดนฉีดยา จึงรู้ว่าจุดเจ็บนี้คือ “สลักเพชร” นั่นเอง พอได้ผันตัวมาทำอาชีพหมอนวดก็ได้เรียนรู้ที่มาที่ไปของจุดเจ็บสุดพีคจุดนี้ว่ามาจากการที่เรานั่งทำงานนานเป็นเวลาหลายปี เลยส่งผลให้เจ็บบริเวณสะโพก จนตึงรั้งไปที่ขา เข่า ทำให้ปลายเท้าเดินปัดเป๋ เสียบุคลิก

     ซึ่งลูกค้านวดหลายรายก็มีอาการดังกล่าวมากขึ้น เนื่องมาจากการทำงานออฟฟิศไม่ค่อยลุกจากที่นั่ง ระหว่างไปกลับทำงานก็นั่งนานอยู่บนรถ การนวดอาจทำให้ดีขึ้นหรือหายปวดเจ็บ แต่ตราบใดที่ยังทำกิจวัตรเดิมๆ เป็นประจำ อาการเจ็บป่วยก็จะกลับคืนมา ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจ  การป้องกันและการรับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม จึงเป็นส่วนที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด และไขข้อข้องใจกับอาการที่เกิดขึ้นได้



สลักเพชร (Piriformis Muscle) คืออะไร





สลักเพชร คือกล้ามเนื้อที่เกาะอยู่ขอบกระดูเชิงกราน รอยต่อระหว่างกระดูกเชิงกรานกับกระเบนเหน็บ ดูง่าย ๆ อยู่ตรงสะโพกกับกระดูกต้นขา ถ้านอนตะแคงจะเป็นรอยบุ๋ม ตรงร่องสะโพกพอดี ถ้าเอานิ้วกดลงไปจะเจ็บแปล๊บทันที ซึ่งกล้ามเนื้อบริเวณนี้มีหน้าที่ทำให้ขาของเรากางออกและหุบได้นั่นเองค่ะ

เมื่อใดที่สลักเพชรจม มีอาการปวดบริเวณสลักเพชร (Piriformis Syndrome) จะมีอาการปวดเจ็บบริเวณสะโพก นั่งปวด ยืนหรือวิ่งก็ปวด บางคนมีอาการปวดร้าวที่สะโพก ลงไปถึงปวดร้าวหรือชาลงขา ส่วนตัวที่มีอาการจะเจ็บมากหากกดโดนบริเวณกระดูกสะโพก เส้นขาด้านค้างตึง รั้งถึงเข่า จนมีอาการปวดเข่า และบริเวณโคนขาเส้นตึงจับตัวเป็นก้อน ส่งผลให้มีปวดเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลานาน ในคนที่มีอาการหนักมากส่งผลร้ายแรงสุดก็คือเดินไม่ได้ หรือ การเดินผิดปกติ เป็นต้น 




สาเหตุที่ทำให้ปวดสลักเพชรหรือสลักเพชรจม





เมื่อมีอาการปวดบริเวณสลักเพชรนานไม่หาย...ถึงเวลาที่มาสำรวจดูสาเหตุกันค่ะ โดยสาเหตุหลัก ๆ ของคนที่มีอาการปวดสลักเพชรล้วนมาจาก การนั่งนาน จนเกินไป นั่งไขว่ห้าง ไม่ค่อยลุกขึ้นเดิน ยืน เปลี่ยนอิริยาบถ ส่งผลให้กล้ามเนื้อและเส้นบริเวณนั้นยึดหดตัว มีการกดทับ จากการนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน บางคนเอี้ยวตัวนั่งเป็นเวลานานก็จะส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังช่วงล่าง (Lower Back) อีกด้วยค่ะ สำหรับคนที่ขับรถนานนอกจากจะปวดสลักเพชรแล้ว อาจมีเส้นขาตึง ท่อนบนก็จะปวดบ่าไหล่ชาลงแขนได้อีกด้วยค่ะ เห็นไหมคะว่าอิริยาบถเดิมๆ ทำร้ายเราได้ขนาดไหน ถ้าไม่เตือนตัวเองเสมอ ๆ ให้ปรับเปลี่ยนกิจวัตร ถึงจะเข้ารับการรักษาในที่ที่ดีที่สุด อาการปวดเดิม ๆ ก็ยังกลับมาอยู่ดีค่ะ



การดูแลและรักษาอาการปวดสลักเพชร





       วิธีการรักษาอาการปวดสลักเพชรหรือสลักเพชรจมมีมากมายหลากหลายวิธีค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหาหมอแผนปัจจุบันทำกายภาพบำบัด กินยา ฉีดยา หรือจะแนวแผนไทย นวด อบสมุนไพร ประคบร้อนเพื่อช่วยคลายเส้น หรือจะแนวดูแลตัวเองออกกำลังกายยืดเส้นโยคะ เน้นท่ายืดสะโพกซึ่งหาข้อมูลได้ตามอินเตอร์เน็ตและยูทูป มีตัวเลือกมากมายให้ฝึกยืดเส้นค่ะ

แต่ในส่วนการนวดขอเตือนว่า ควรนวดกับหมอนวดผู้มีประสบการณ์ มีความรู้เรื่องโครงสร้างร่างกายและเส้น หรือสถานที่ที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข เช่น โรงพยาบาลต่าง ๆ ที่มีแพทย์แผนไทยคอยดูแล หรือจะเป็นสถาบันที่สอนนวดแผนไทย เช่น วัดโพธิ์  ศูนย์สุขภาพเชตวัน  ซึ่งมีอาจารย์คอยควบคุมดูแล  เป็นต้นค่ะ เนื่องจากบริเวณสลักเพชร เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างข้อต่อสะโพกและกระเบนเหน็บ มีเส้นประสาทใต้กล้ามเนื้อนี้ (sciatic nerve) ถ้านวดโดยไม่ระมัดระวัง หมอนวดมีความรู้ไม่พออาจทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ

      มีเคสหนึ่งเจอในยูทูป ผู้ป่วยมีอาการที่สลักเพชร ไปหาหมอนวดกดบริเวณสลักเพชรหนักเวลากว่า 8 เดือน จนเส้นประสาทบริเวณนั้นถูกทำลาย ขาลีบ ยากจะรักษากลับมาให้เป็นปกติได้ค่ะ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์แล้ว การนวดเพื่อการบำบัดค่อนข้างสัมฤทธิ์ผลและเหมาะกับคนไม่ค่อยมีเวลาออกกำลังกายหรือทำกายภาพบำบัด เนื่องจากการนวดหรือกดจะช่วยคลายเส้นที่ตึง ยึด ติดขัดให้คลายลง และยังช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น สามารถช่วยซ่อมแซมบริเวณที่มีอาการได้ แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยไม่เสี่ยง แนะนำให้หยุดพักอิริยาบถกิจวัตรเดิม ๆ ลุกให้บ่อย ยืดเส้นเป็นประจำ หรือนวดพอคลายกล้ามเนื้อขา สะโพก ประคบร้อนเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงมากขึ้นเป็นการซ่อมแซมก็ดีค่ะ 




อย่างไรก็ตาม  ถ้าจะนวดบำบัดอาการปวดสลักเพชร ให้เราในฐานะลูกค้าสังเกตว่า หมอนวดจะต้องไม่ได้นวดกดย้ำเฉพาะแค่ที่บริเวณสลักเพชรเท่านั้น แต่ควรมีการกดคลายเส้นบริเวณโคนขา และ เส้นข้างขาด้วย ถ้าหมอนวดกดไล่บริเวณเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะดีขึ้นและหายได้ค่ะ  นอกจากนี้ควรระวังเป็นพิเศษไม่ให้หมอนวดขึ้นเหยียบอยู่บนสะโพกของเรา เพราะถ้าสะโพกเราไม่แข็งแรงพอ อาจทำให้ข้อต่อสะโพกหลุดหรือเคลื่อนได้นะคะ ถ้าคิดจะนวดเราก็ต้องคอยระมัดระวัง ดูแลสวัสดิภาพเราเองเช่นกัน




        สุดท้ายนี้ ขอเน้นน้ำอีกครั้งว่าธรรมชาติคนเราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้นั่งเวลานาน แต่สร้างขึ้นเพื่อให้เคลื่อนไหวว่องไวกระฉับกระเฉง การยืดหยุ่นดีเพื่อการเอาตัวรอด ดังนั้นเมื่อเราใช้ร่างกายผิดธรรมชาติจึงเกิดผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ เส้น และข้อต่อต่าง ๆ การรู้ตัวเสมอระหว่างการทำงาน หลีกเลี่ยงการนั่งแช่เวลานาน หาเวลายืดเส้น คลายเส้นออกกำลังกาย ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับร่างกายเราในระยะยาวค่ะ ขอให้หายดีทุกคนนะคะ 




บทความโดย : Soto Green
ติดต่อบริการนวดบำบัด
FB Page : mindfulmassagefordeeprelaxation
Line ID :angelasotozen 

ภาพประกอบ :
http://www.physica.com.au/piriformis-syndrome/