....อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการมีร่างกายที่ไวต่อทุกอย่างที่เอาเข้าปาก ก็ทำให้รู้ได้ว่า.....อะไรบ้างที่ร่างกายรับเข้าไปและรีบปฏิเสธในทันที อีกทั้งทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงกะทันหัน....แล้วหนึ่งในนั้น คือ ศัตรูร้ายตัวฉกาจ แต่เป็นสิ่งที่หมอไม่ได้ห้าม นั่นก็คือ... “น้ำตาล” (ในส่วนนี้รวมถึงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรด สามารถแปลงจากแป้งเป็นน้ำตาลได้ด้วยนะคะ)
เรื่องของหวาน...เป็นเรื่องที่แม้แต่คนเป็นโรคยังต้องพ่ายแพ้ อดรนทนไม่ไหว ใจมันเรียกร้องอยากจะกิน...คิดดูสิคะ ว่าถ้าโลกนี้ขาดความหวาน สวรรค์แห่งการกินคงไม่มีอยู่จริง....แต่ความหวานนี่ล่ะค่ะ เร่งพาคนไปสรรค์มานักต่อนักแล้ว.....มาดูกันค่ะว่า เพราะอะไร ทำไม น้ำตาลกลายเป็น อาชญากร เป็น ยมฑูตที่พรากเราจากโลกนี้เร็วก่อนวัยอันควร
เรื่องจริงของน้ำตาลที่เราอาจยังไม่รู้
- น้ำตาลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง.....ตอนเป็นลมพิษ ถ้ากินช็อกโกแลต หรือ ขนมหวานปุ๊บ ภูมิคุ้มกันจะตกฮวบ ลมพิษก็จะสวนขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
- น้ำตาลทำให้สมาธิสั้น กังวล ว้าวุ่น อยู่ไม่นิ่ง
- น้ำตาลเป็นตัวทำลายไต เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ ก็ต้องขับส่วนที่เหลือออกมามาก ถ้าขับไม่ออกก็สามารถแปลงเป็นไขมันฟอกตับได้ค่ะ
- น้ำตาลรบกวนการดูดซึมแคลเซียมและแมกนีเซียม
- น้ำตาลจะเร่งเซลล์มะเร็งให้เติบโตเร็วขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
- น้ำตาลจะไปเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือด กรณีอดอาหาร 8 ชั่วโมง
- น้ำตาลก่อให้เกิดภาวนกรดในกระเพาะอาหาร
- น้ำตาลจะเพิ่มสารทุกข์ในเด็ก
- น้ำตาลเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคไขข้ออักเสบ
- น้ำตาลเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง DNA
- น้ำตาลมีผลทำให้เลือดและน้ำตาลเป็นกรด
- น้ำตาลเป็นสาเหตุของผื่นแพ้ในเด็ก
- น้ำตาลลดการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
นี่เป็นแค่บางส่วนเท่านั้นนะคะ ยังมีอีกข้อเสียที่เพื่อน ๆ เองก็อาจรู้ เช่นฟันผุ โรคอ้วน เพิ่มความดัน
โลหิต เป็นต้นค่ะ ทีนี้หลายคนก็คงนึกสงสัยว่า ถ้าน้ำตาลไม่ดีทำไมแล้วจะผลิตมาใส่ในอาหารทำไม สู้ไม่กินเลยเสียดีกว่าใช่ไหมล่ะค่ะ....แต่อะไรก็ตามที่ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป ก็ไม่ดีทั้งนั้นค่ะ
ข้อดีของน้ำตาลและปริมาณที่ควรรับต่อวัน
เพราะในความจริงน้ำตาลก็มีประโยชน์ในตัวของมันเอง ถ้าได้รับอย่างพอเพียง เพราะน้ำตาลจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองทำให้สดชื่นอารมณ์ดีขึ้น กระชุ่มกระชวย ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื้อเยื่อ เซลล์และ สมอง อีกทั้งยังช่วยในการทำงานของหัวใจและตับ ซึ่งปริมาณที่ควรรับน้ำตาลต่อวันนั้น ผู้ชายควรได้รับประมาณ 9 ช้อนชาหรือ 37 กรัมต่อวัน ส่วนผู้หญิงควรได้รับไม่เกิน 6 ช้อนชาหรือ 25 กรัมต่อวันค่ะ ส่วนเด็ก ๆ ก็ควรรับลดน้ำลงไป หรือ ถ้าจะรับน้ำตาลก็ควรเป็นน้ำตาลที่มาจากน้ำนม หรือ ผลไม้มากกว่า จากน้ำตาลทรายค่ะ...ค่อนข้างทำได้ยากใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ถ้าเราสามารถตรวจสอบปริมาณน้ำตาลขอขนมจากฉลาก หรือ ทำอาหารเอง กำหนดปริมาณน้ำตาลได้ก็จะเป็นเรื่องดี หรือ กินมากน้อยวันเว้นวันเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งการเลือกกินของหวานเล็กน้อยหลังจากกินอาหารมื้อหลักที่มีโปรตีนและไขมันดี เพราะจะช่วยรักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเลือดได้ค่ะ
ในตอนนี้ หลังจากที่ลดของหวานไปได้ (และพยายามอย่างหนักที่จะลดแป้ง) ลมพิษไม่ค่อยกลับมาแล้วล่ะค่ะ กลับมาบ้างเวลากินองหวานเยอะ ๆ หรือ กินพิซซ่าหนักแป้ง กลูเตนเพียบ ซึ่งก็พยายามเพลา ๆ ลงอยู่ค่ะ เคยลดแป้งแล้วน้ำตาล ภายใน 2 สัปดาห์ น้ำหนักลงลงไป 2 กิโลกรัม บางทีถ้าสำรวจการกินก็อาจจะรู้ว่าอะไรทำให้น้ำหนักเราเพิ่มได้นะคะ ขอให้เพื่อน ๆ ทุกคนสุขภาพดีค่ะ
บทความโดย : Soto Zen Green
ข้อมูลอ้างอิง : หนังสือ ธรรมชาติบำบัด โดย หมอเจค็อบ วาทักกันเชรี
มูลนิธิหมอชาวบ้าน