วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เคล็ดไม่ลับ หายพิษไข้ได้โดยไม่ต้องพึ่งยา!


 เวลามีไข้สูงสุดแสนทรมาน ทั้งไข้ขึ้นสูง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูก บ้างมีหวัดมาป่วน น้ำมูกไหล เจ็บคออีกต่างหาก เวลาไปหาหมอได้ยามา กินแล้วไข้ลดแต่ร่างกายกลับอ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง แทบลุกไม่ขึ้น....แล้วถ้าลองไม่กินยาล่ะ จะหายหรือ จะนอนซมจนตาย....

    ธรรมชาติของร่างกายเวลามีไวรัสหรือเชื้อโรค พิษ สิ่งแปลกปลอมต่างๆ  ภูมิคุ้มกันของร่างจะเร่งเครื่องเพิ่มความร้อนในร่างกายเป็นกลไกตามธรรมชาติที่จะจัดการกับไวรัสหรือเชื้อโรค พิษต่างๆ ในร่างกาย และสิ่งแปลกปลอก ทางวิธีของธรรมชาติบำบัดมีแนวคิดที่ว่า การกินยาลดไข้จะทำให้ไข้ลดจริงแต่กลไกของร่างกายก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของมัน พิษที่อยู่ในร่างกายก็ยังคงอยู่ (ซึ่งหากไปหาหมอก็จะได้ยาปฏิชีวนะมากิน ร่วมด้วย) .....แต่ทว่าการยอมปล่อยให้ตัวเองต้องทนกับพิษไข้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องมีวิธีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องการกิน การดูแลรักษา รวมทั้งการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อย



    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงขณะมีไข้ 


    1. งดของหวานจากน้ำตาลโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง อีกทั้งยังเป็นอาหารชั้นดีของเชื้อโรคอีกต่างหาก
    2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะเมื่อมีไข้ร่างกายกำลังบอกว่าต้องการการพักผ่อนนะจะบอกให้
    3. หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ ไข่ นม แป้ง ที่ต้องใช้พลังงานการการเผาผลาญมากๆ หรือ ย่อยยาก เพราะแทนที่ร่างกายะเอาพลังไปจัดการกับเชื้อโรค ดันต้องเอามาใช้ย่อยอาหารซะนี่
    4. ไม่ควรนอนดึกโดยเด็ดขาดเพราะร่างกายต้องการเวลาที่จะซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอ เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย 
    5. แต่ก็หลีกเลี่ยงการเอาแต่นอนซมอยู่กับเตียงเพราะร่างกายจะไม่มีแรง ขี้เกียจมากขึ้นอีกต่างหาก ระวังกายสปอยล์ร่างกายตัวเอง 
    6. สนุนไพรลดไข้ก็ไม่ควรกินนะคะ เพราะเรากำลังให้ร่างกายต่อสู้กับพิษ ถ้าอุณหภูมิร่างกายลดก็ไม่มีอะไรจะต่อสู้กับไวรัสได้



 สิ่งที่ควรทำขณะเยียวยารักษาพิษไข้


    1. บริโภคอาหารให้น้อยลง เน้นทานผักผลไม้ที่สดสะอาด เช่น มะละกอ ผลไม้กลุ่มส้ม น้ำมะนาว กระเทียม น้ำฝรั่ง น้ำเสาวรส และ แตงกวา เป็นต้น (ถ้าเป็นหวัดร่วมด้วย มะละกอ ส้ม เสารส ฝรั่ง มะนาว ช่วยได้เยอะเลย)
    2. จิบน้ำ ดื่มน้ำ เรื่อยๆ เพื่อช่วยลดพิษไข้ และ ปัสสาวะขับพิษออก
    3. ถ้าไข้สูง อย่านอนแอร์ ให้อดทนสักหน่อย ยอมนอนร้อนๆ เพื่อให้เหงื่อออกช่วยขับพิษไข้ ไข้จะได้ลดลง
    4. ลดพิษไข้ด้วยการอาบน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่อุ่น เพื่อให้ร่างกายเร่งสร้างภูมิคุ้มกัน แล้วถ้ารู้สึกปวดหัวด้วยให้เอาน้ำราดหัว เอาปากเปียกวางทับที่หน้า ผาก หรือ คลุมหัว เพื่อช่วยลดอุณหภูมิที่หัวของเราได้
    5. หาตัวช่วยเร่งเอาพิษออก โดยการเดินยืดเส้น ยืดสายช่วงเช้าที่มีแสงอาทิตย์อ่อนๆ หรือ ตอนเย็นช่วงที่แดดไม่แรงสัก 5-6 โมงเย็นกำลังดี แค่เดินแกว่งแขน หายใจเข้าออกลึกๆ ถ้าไทชิได้จะดีมาก หรือโยคะท่าหายใจ ชิวๆ ไม่ใช่สายโหด เพราะร่างกายใช้พละกำลังมากเกินไป เดี๋ยวจะยิ่งอ่อนเพลีย หรือ จะนั่งสมาธิ ลองหายใจเข้าลึกๆ แล้วหายใจออกติดต่อกันเร็วๆ สัก 40-60 ครั้ง เพราะการหายใจเป็นการขับพิษที่ดี อีกทั้งยังทำให้ปอดมีพลังมากขึ้นอีกด้วย

   
             การดูตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติอาจต้องใช้เวลานานกว่าไข้จะลด แต่ถ้าทำได้การลดปริมาณยาที่กิน ช่วยให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงน้อยลง เพื่อดูแลตับไตของเราให้อยู่กับเราไปนานๆ อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพร่างกาย ระมัดระวังเรื่องการกิน การอยู่ก็เป็นสิ่งจำเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของโรคที่เกิดขึ้นล้วนมาจากการกิน ถ้าเราปรับพฤติกรรมการกิน โดยหันมาเป็นหมอให้กับตัวเอง กินเพื่อรักษา เยียวยาร่างกายให้อยู่กับเราไปอีกนาน จะได้ทำความฝัน เดินทาง ท่องเที่ยว อยู่กับคนที่รัก ดูแลคนในครอบครัว เพราะชีวิตของเราไม่มีใครดูแลและรับผิดชอบได้นอกจากตัวของเราเอง......การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ....จริงๆ นะ ^^


     บทความโดย : Soto Zen Green
     Reference : หนังสือธรรมชาติบำบัด หมอ เจค็อบ วาทักกันเชรี